วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อัตชีวะประวัติ คำสอน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ตอนที่ 2

                                                คำสอน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ตอนที่ 2                                         
                                                             ... จัวน้อยกรรมฐาน ...​

... ปฏิปทาจริยาวัตรสามเณรแหวนจัดเป็นผู้ถือเคร่งในพระธรรมวินัย พูดน้อยใช้ความคิดเงียบขรึมรักสงบในที่สงัดวิเวก ไม่ชอบอยู่รวมกับหมู่คณะมักจะหาโอกาสแยกตนออกไปนั่งในที่สงัดนอกวัดเสมอ ... จนพระอาจารย์สิงห์ออกปากกับเจ้าอาวาสหลีว่า สามเณรน้อยผู้นี้กล้ากาญมากมีจิตใจองอาจไม่กลัวอะไรเลย เป็นมหานิกายที่เคร่งเหมือนธรรมยุติ ... อาหารก็ฉันมื้อเดียว ชอบฉันข้าวกับเกลือ พริก และผัก ไม่ยอมฉันอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และตื่นตี 3-4 เป็นประจำ ถ้าคืนไหนไม่ได้ออกไปนั่งสมาธิในป่าช้า ก็จะลงไปเดินจงกรมใกล้กุฏิประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วกลับขึ้นกุฏินั่งสมาธิ
... หลังจากฉันอาหารเช้าวันหนึ่ง พระอาจารย์สิงห์มีเมตตาไตร่ถามสามเณรแหวนว่า ชอบกรรมฐานมากหรือจัวน้อย ( จัว น้อยเป็นคำอีสานหมายถึงสามเณร ) สามเณรแหวนยกมือพนมแล้วตอบว่า กระผมชอบความเงียบสงัด ชอบพิจารณาต้นไม้ใบหญ้าแล้วคิดเปรียบเทียบกับชีวิตและสัตว์ แล้วเห็นว่าธรรมชาติต้นไม่ใบหญ้านี้คล้ายกับชีวิตของคนเรา มีกาดเกิด มีดับ หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย ... พระอาจาร์สิงห์ได้ฟังแล้วก็อัศจรรย์ อุทานในใจว่า เณรน้อยผู้นี้มีอารมณ์วิปัสสนาทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้สอนเลย เป็นปัญญาเห็นแจ้งซึ่งสภาวะธรรมชาติโดยธรรมชาติ คือ เห็นชาติ ชรา มรณะ ผู้เห็นแจ้งดังนี้ที่เรียกว่าเริ่มเห็นมรรค ผล นิพพาน ได้รำไร​

                                                                        .. 60 กว่าปี ...​

... ต่อมาเมื่อสามเณรแหวนอายุครบอุปสมบท พระอาจารย์สิงห์ และพระอาจารย์หลี ( เจ้าอาวาส ) ได้เป็นผู้บวชพระให้ ..... ที่วัดสร้างถ่อ อำเภอเกษมสีมา ( ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอม่วงสามสิบ ) ประมาณปี 2452 มีสามเณรแว่น ( พระอาจารย์แว่น ) เป็นคู่บวชด้วยในครั้งนั้น ... พระอาจารย์แว่น ต่อมาเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังองค์หนึ่งแห่งอีสานในสายศิษย์หลวง ปู่มั่น
... พระภิกษุแหวน บวชได้ไม่นาน พระภิกษุอ้วนผู้เป็นอาก็ได้เดินทางมารับพระภิกษุแหวนเดินทางกลับไปอยู่ที่ วัดโพธิชัยบ้านนาโป่ง ซึ่งเป็นบ้านเกิดริใฝ่งแม่น้ำฮวย จังหวัดเลย ... แต่เมื่อพระภิกษุแหวนไปถึงไม่ยอมเข้าอยู่ที่วัดเพียงแต่ได้เข้าไปกราบพระ อุปัชฌาย์เจ้าอาวาสที่เคยบรรพชาให้เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร คือ หลวงปู่คำมา ขณะนั้นแล้วเลยเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ ... จากนั้นก็ได้ไปยึดเอาโคนต้นไม้ในป่าช้าใกล้หมู่บ้านเป็นที่พัก
... ตอนนี้พระภิกษุแหวนมีอารมณ์จิตใฝ่กรรมฐานเต็มที่พร้อมแล้วที่จะออกธุดงค์แต่ ลำพังผู้เดียว ทั้งๆที่พระอาจารย์สิงห์ไม่ได้สินกรรมฐานให้แต่อย่างไรจะมีก็แต่เพียงแนะนำ หลักกว้างๆ ให้เท่านั้น พระอาจารย์สิงหืท่านสอนหนักไปในทางปริยัติมากกว่า .... และพระอาจารย์สิงห์มีภาระยุ่งอยู่กับการค้นคว้าตำรับตำราคัมภีร์ธรรมต่างๆ เพื่อเตรียมไว้สอนศิษย์ หาเวลาว่างจะอบรมกรรมฐานไม่ค่อยได้​

                                                                  ... ป่าช้าบ้านเกิด ...​

... พระภิกษุแหวน พักอยู่ที่ป่าช้าบ้านนาโป่งไม่นานก็รู้สึกรำคาญใจ เพราะญาติพี่น้อง และชาวบ้านไปมาหาสู่รบกวนใจจนไม่ค่อยจะมีเวลาทำสมาธิสงบใจได้สะดวกทำให้มี ห่วงพะวักพะวน ... ท่านรำพึงว่า .. อันตัวเรานี้ก็ได้เลือกทางดำเนืนเพศสมณะเจริญรอยตามพระสัมมาสัมพทธเจ้าโดย สมบูรณ์แล้ว ... กระทำตนเป็นอนาคาริก คือ การไม่มีบ้านเรือนอยู่อาศัย ไม่อยู่วัดอาราม อาศัยอยู่ตามโคนต้นไม้ ถึงเวลาแล้วที่จะตัดขาดจากญาติโยมชาวบ้านให้เด็ดขาดเพื่อออกแสวงหาวิมุติสุข ทางหลุดพ้นจากกองทุกข์​
... เมื่อคิดแล้วเช่นนี้ พระภิกษุแหวนก็ออกลาญาติโยมชาวบ้านและหลวงอาอ้วน เพื่อจะออกธุดงค์กรรมฐานไปตามทางของตน แต่ญาติโยมทั้งหลายไม่เห้นดีเห็นงามด้วยเพราะเห็นว่า เป็นพระธุดงค์มีแต่ความยากลำบาก อด ๆ อยากๆ ... แต่พระภิกษุแหวนไม่ยอม ได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ นาๆ จนญาติโยมและชาวบ้านเกิดใจอ่อนยินยอมอนุโมธนาสาธุด้วย
... พระภิกษุแหวนจึงได้เริ่มออกธุดงค์ตั้งแต่บัดนั้น ประมาณปลายปี พ.ศ. 2452 ... เป็นการพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนอันเงียบสงบริมฝั่งแม่น้ำฮวย จังหวัดเลย ... และไม่ได้กลับไปอีกเลยเหมือนสูญหายตายจาก ไม่มีใครได้ข่าวคราวตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 60 กว่าปี ... เพิ่งจะมาได้ข่าวคราวพระภิกษุแหวนกันเอาประมาณปลายปี 2516 เมื่อหนังสือพิมพืนำประวัติ และอภินิหารหลวงปู้แหวนออกมาตีพิมพ์เผยแพร่ว่า เป็นพระอาจารย์สมถวิปัศสนาผู้เฒ่า แห่งสำนักสงฆ์ ร ดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่
... เป็นที่เคารพรักและศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนชาวเหนืออย่างกว้างขวาง ... เอวังก็มีด้วยประกาลฉะนี้
เครดิต เวป หลวงปู่แหวน สุจิณโณ...ยอดอริยเจ้า จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

คติธรรมและคำสอน ของ หลวงปู่แหวน

                                       คติธรรมและคำสอน ของ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ​


หลวง ปู่แหวนเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศไทย คำสอน วิธีการปฏิบัติ ตลอดจนเครื่องลางของขลังและอภินิหารของหลวงปู้แหวนถูกนำออกมาตีพิมพ์เผยแพร่ กันอย่างแพร่หลาย ท่านเป็นพระอาจารย์สมถวิปัสสนา เป็นที่เคารพรักและศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนชาวเหนืออย่างกว้างขวาง มีผู้กล่าวถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ว่าท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ นานา หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้หยุดชีวิตธุดงควัตรของท่านเพื่อพำนักอย่างจริงจังในวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ มีผู้นิยมเลื่อมใส และศรัทธาในวัตถุมงคลของท่านมาก ต่างก็พยายามหามาไว้เป็นสิริมงคลแก่ตัว เพราะต่างร่ำลือในความขลังจากการปลุกเสกของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ

                                                   ให้ตั้งสัจจะ...หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
การ ปฏิบัติเราจะเดินก็ให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหวเราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริงๆ
กำหนด ตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความสัจจะว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้กำหนด ระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะธรรมโม
อย่า ละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอดคืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวังรักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป

                                                 พยายามรักษาความดีความขยันหมั่นเพียร
ให้ พยายามรักษาความดีความหมั่นความขยันของเราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรานี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง
เรา ต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วยความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออกจากกาย จากวาจา จากใจอาศัย ความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจคร้านได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีก็ให้ละเสีย ให้วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณากลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียรความหมั่นความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน
เรา ต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วยอุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบายมาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญ ร่าเริง ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้จิตนิ่งเฉยเกียจคร้าน
เรา ต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วยการอบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอุบายอันชอบ ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตุผล เกิดความมุมานะพยายามในความเพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อยๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อความเพียร
ถ้า เราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นในจิตในใจของตน

จิต ของเรา ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะให้เรานอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหาอุบายมาข่มขู่ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้วจิตยอมเชื่อฟังนั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน ลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิตถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา
ให้ ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดีของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจงให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม
ถ้า เราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส
ให้ ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะ ตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิรยะ ความพากความเพียร ในภาวนาในคุณความดี ให้ตั้งอยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร
ให้ ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้